เมืองอัจฉริยะวังจันทร์วัลเลย์ ได้รับตราสัญลักษณ์รับรองจากสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) ในการเป็นพื้นที่พัฒนาเมืองอัจฉริยะ ประเภทเมืองใหม่ โดยมีการพัฒนาเมืองอัจฉริยะทั้ง 7 ด้าน ซึ่งเรียกได้ว่าเป็น “ต้นแบบของ Smart City 7 สิ่งอัจฉริยะวังจันทร์วัลเลย์”

นิยามคำว่า Smart City หรือเมืองอัจฉริยะ หมายถึงเมืองที่ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี และนวัตกรรมที่ทันสมัยและชาญฉลาด เพื่อให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดี มีความสุขอย่างยั่งยืน

ซึ่งประเทศไทยพยายามผลักดัน Smart City ให้เกิดขึ้นจริงตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติฉบับที่ 12 และนโยบาย Thailand 4.0 โดย “วังจันทร์วัลเลย์” เป็นพื้นที่ที่มีองค์ประกอบในการพัฒนา Smart City ครบทั้ง 7 ด้าน ตามหลักที่สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) ได้กำหนดไว้

นั่นคือ สิ่งแวดล้อมอัจฉริยะ (Smart Environment) การบริการภาครัฐอัจฉริยะ (Smart Governance) การเดินทางและขนส่งอัจฉริยะ (Smart Mobility) พลังงานอัจฉริยะ (Smart Energy) เศรษฐกิจอัจฉริยะ (Smart Economy) การดำรงชีวิตอัจฉริยะ (Smart Living) และพลเมืองอัจฉริยะ (Smart People)

นอกจากนี้เมืองอัจฉริยะวังจันทร์วัลเลย์ ยังมีการพัฒนาระบบจัดเก็บและบริหารข้อมูลเมือง (City Data Platform) ในการวางโครงข่ายเชื่อมโยงข้อมูล การกำหนดชุดข้อมูล การรวบรวมและการใช้ประโยชน์จากข้อมูล การดูแลความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ และการดูแลความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล

ทั้งหมดนี้คือสิ่งอัจฉริยะของวังจันทร์วัลเลย์ ที่เตรียมความพร้อมสู่การเป็นต้นแบบเมืองนวัตกรรมแห่งอนาคตของไทยและเอเชียตามที่ตั้งเป้าไว้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ

พลังงานอัจฉริยะ (Smart Energy) ส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน และมีการบริหารจัดการพลังงานด้วยโครงข่าย Smart Grid ตลอดจน Solar Farm เพื่อการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ

ทุกพื้นที่เช่าในวังจันทร์วัลเลย์จะได้รับการติดตั้งมิเตอร์ไฟฟ้าอัจฉริยะ (Smart Meter) เพื่อวัดการใช้งานพลังงานในแต่ละแปลงพื้นที่ ซึ่งสามารถแสดงผลแบบ Real-time รวมทั้งแสดงข้อมูลย้อนหลังได้ เพื่อนำข้อมูลมาวิเคราะห์และวางแผนการปรับปรุงการใช้พลังงานให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นในอนาคต รองรับการติตตั้ง Solar Farm และ Solar Rooftops ขนาดรวมกันประมาณ 2.5 MW เพื่อเป็นแหล่งพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy) ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมภายในพื้นที่ และได้เตรียมพื้นที่ว่างในพื้นที่เฟส 2 ซึ่งสามารถติดตั้ง Solar Farm ได้เพิ่มอีก 2 MW เพียงพอสำหรับใช้บริหารจัดการระบบสาธารณูปโภคส่วนกลางของโครงการ นอกจากนี้ยังมีการบริการ EV Shuttle Buses และ EV Charging Stations เพื่อส่งเสริมสนับสนุนการเดินทางโดยใช้พลังงานทางเลือกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

สิ่งแวดล้อมอัจฉริยะ (Smart Environment) เป็นเมืองที่มุ่งเน้นการปรับปรุงคุณภาพ การเพิ่มประสิทธิภาพ และประสิทธิผล ของการบริหารจัดการตลอดจนการติดตามเฝ้าระวัง สิ่งแวดล้อมและสภาวะแวดล้อมอย่างเป็นระบบ เพื่อมุ่งสู่การเป็นเมืองคาร์บอนต่ำ เช่น การดูแลสภาพอากาศ การจัดการขยะให้เป็นศูนย์ รวมถึงการสร้างสรรค์ระบบนิเวศในพื้นที่สีเขียว

แนวความคิดหลักในการออกแบบวังจันทร์วัลเลย์ คือการเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ สอดคล้องผสมผสานกันเป็นหนึ่งเดียว โดยจะมีพื้นที่ Green Area และ Open Space รวมกันคิดเป็น 60% ของพื้นที่ทั้งหมด เพื่อให้เกิดเป็นสำนักงานวิจัยและเขตนวัตกรรมที่อยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่ยั่งยืน การสร้างพื้นที่ Green Area และ Green Belt โดยใช้หลักการปลูกป่าและฟื้นฟูธรรมชาติป่าเชิงนิเวศแบบยั่งยืน ตามทฤษฎีของ ศ.ดร.อากิระ มิยาวากิ ที่เน้นการใช้พันธุ์ไม้ดั้งเดิมของพื้นที่ เพื่อให้ง่ายต่อการเจริญเติบโตและดูแลรักษา มีความหลากหลายทางพันธุ์ไม้ ทั้งไม้ยืนต้นและไม้พุ่ม มีการสร้างเนินดินเพื่อเพิ่มความพรุนของดิน ซึ่งเพิ่มการระบายน้ำและอากาศ มีการติดตั้งเซ็นเซอร์กระจายตามจุดสำคัญต่างๆ เพื่อเฝ้าระวังและบริหารจัดการมลภาวะทางอากาศและทางน้ำ ได้แก่ CO2, O2, O3, PM 2.5, Dissolved Oxygen, Wind Speed, Rain Gauge มีโครงข่ายท่อส่งน้ำประปาและท่อรับน้ำเสียที่ฝังอยู่ใต้ดิน พร้อมติดตั้งมิเตอร์วัดปริมาณของแต่ละแปลงพื้นที่ ซึ่งสามารถแสดงผลแบบ Real-time รวมถึงแสดงข้อมูลย้อนหลังได้ น้ำเสียภายในโครงการเมื่อผ่านกระบวนการบำบัดแล้ว จะนำมาใช้ประโยชน์ภายในพื้นที่ทั้งหมด เช่น รดน้ำต้นไม้ ล้างถนน (Zero Waste Water)

พลเมืองอัจฉริยะ (Smart People) มุ่งเน้นการพัฒนาความรู้และการใช้เทคโนโลยีให้เกิดประโยชน์เพื่อส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพบุคลากรได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็น ระบบสัญญาณ Wi-Fi ที่ครอบคลุมทั้งโครงการวังจันทร์วัลเลย์ การเรียนรู้ผ่านห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น

ทุกพื้นที่เช่าในวังจันทร์วัลเลย์จะได้รับการติดตั้งมิเตอร์ไฟฟ้าอัจฉริยะ (Smart Meter) เพื่อวัดการใช้งานพลังงานในแต่ละแปลงพื้นที่ ซึ่งสามารถแสดงผลแบบ Real-time รวมทั้งแสดงข้อมูลย้อนหลังได้ เพื่อนำข้อมูลมาวิเคราะห์และวางแผนการปรับปรุงการใช้พลังงานให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นในอนาคต รองรับการติตตั้ง Solar Farm และ Solar Rooftops ขนาดรวมกันประมาณ 2.5 MW เพื่อเป็นแหล่งพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy) ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมภายในพื้นที่ และได้เตรียมพื้นที่ว่างในพื้นที่เฟส 2 ซึ่งสามารถติดตั้ง Solar Farm ได้เพิ่มอีก 2 MW เพียงพอสำหรับใช้บริหารจัดการระบบสาธารณูปโภคส่วนกลางของโครงการ นอกจากนี้ยังมีการบริการ EV Shuttle Buses และ EV Charging Stations เพื่อส่งเสริมสนับสนุนการเดินทางโดยใช้พลังงานทางเลือกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

การบริหารภาครัฐอัจฉริยะ (Smart Governance) มุ่งเน้นการให้บริการแบบ One stop service โดยเชื่อมโยงเครือข่ายกับหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงระบบได้อย่างครบวงจรและสะดวกสบาย นอกจากนี้ยังมี Wangchan Valley Mobile Application เพื่อใช้ในการจองพื้นที่จอดรถล่วงหน้า การตรวจสอบเวลาที่รถ Shuttle Bus จะมาถึงแต่ละสถานี และการแจ้งเหตุฉุกเฉิน

วังจันทร์วัลเลย์มีอาคารปฏิบัติการอัจฉริยะ (Intelligent Operation Center - IOC) เป็นศูนย์กลางการควบคุมระบบสาธารณูปโภคและรักษาความปลอดภัยทั้งหมด โดยได้ดำเนินการออกแบบอาคารตามมาตรฐานของสถาบันอาคารเขียวไทย และสถาบัน LEED (USGB) ระดับ Certified เพื่อความมั่นใจว่าการให้บริการแก่ผู้เช่าพื้นที่เป็นการให้บริการโดยอาคารศูนย์กลางฯ ที่มีความยั่งยืนทางพลังงาน และไม่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมตามมาตรฐานสากล นอกจากนี้ยังมีศูนย์ควบคุมที่สามารถสนับสนุนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ได้ตลอด 24 ชั่วโมง และห้องประชุมที่ทันสมัย สามารถให้บริการแก่ผู้เช่าที่มีความประสงค์ขอรับบริการได้อีกด้วย

เศรษฐกิจอัจฉริยะ (Smart Economy) ผลักดันให้เกิดการทดลองและทดสอบนวัตกรรม (Regulatory Sandbox) และมีการพัฒนาระบบ City Data Platform เพื่อต่อยอดความร่วมมือทางธุรกิจและนวัตกรรม ไม่ว่าจะเป็น โครงข่าย 5G สัญญาณ Wi-Fi 6 รวมถึงการวิเคราะห์ข้อมูลของเมือง (Data Analytics)

วังจันทร์วัลเลย์ได้ออกแบบเมืองให้มีการรองรับการดำเนินการทางด้านการค้าและการเงินได้หลากหลายรูปแบบ เช่น การใช้งานระบบ QR Code ในการซื้อ-ขายในพื้นที่ มีระบบธนาคารออนไลน์ มีระบบแจ้งหนี้ค่าบริการต่างๆ แบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Billing) มีระบบแสดงข้อมูลรายละเอียดการใช้บริการทาง Mobile Application บนโทรศัพท์มือถือของผู้รับบริการ รวมทั้งผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่สามารถขอรับบริการสอบถามข้อมูลผ่าน Service Center ตลอดจนมีการออกแบบการทำธุรกรรมต่างๆ ให้รองรับการดำเนินกิจกรรมในรูปแบบที่ทันสมัย เช่น Block Chain เป็นต้น

การเดินทางและขนส่งอัจฉริยะ (Smart Mobility) เป็นเมืองที่ออกแบบระบบการสัญจรและการขนส่ง ให้มีความสะดวกปลอดภัยและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อรักษาระบบนิเวศที่ดีของเมือง เช่น มีการส่งเสริมให้ใช้รถพลังงานไฟฟ้า ซึ่งเมืองได้มีการจัดเตรียมที่จอดรถอัจฉริยะ แท่นชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า เส้นทางเดินรถจักรยานไว้รองรับ)

วังจันทร์วัลเลย์มีบริการรถ EV Shuttle Buses ซึ่งเป็นระบบขนส่งสาธารณะที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ใช้รับ-ส่งผู้คนภายในพื้นที่โครงการตามจุดสำคัญต่างๆ โดยมี Smart Bus Stop เป็นจุดพักคอยแบบอัจฉริยะ โดยสามารถติดตามสถานะรถที่จะมาถึงจุดพักคอยได้ มีการผลิดกระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์มาใช้ในจุดพักคอย เพื่อเป็นการประหยัดพลังงานจากภายนอก มี EV Charging Stations ครอบคลุมพื้นที่ เพื่อส่งเสริมให้คนภายในโครงการใช้แหล่งพลังงานสำหรับขนส่งและเดินทางที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มีทางจักรยานแยกต่างหากจากถนน และทางคนเดิน โดยมีระบบทางรวมทั้งหมดภายในพื้นที่โครงการมากกว่า 15 กิโลเมตร มีพื้นที่รองรับ Bike Sharing เพื่อส่งเสริมให้คนใช้จักรยานซึ่งเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในการสัญจรไปมาภายในพื้นที่โครงการ นอกจากนี้ยังมีระบบจองพื้นที่จอดรถ (Smart Parking) ซึ่งผู้ที่จะเข้ามาในพื้นที่วังจันทร์วัลเลย์สามารถนำรถไปจอดในพื้นที่ลานจอดรถได้อย่างสะดวกสบาย ไม่ต้องกังวลว่าจะไม่สามารถหาที่จอดรถได้

การดำรงชีวิตอัจฉริยะ (Smart Living) ออกแบบเพื่อการมีชีวิตที่ดีของผู้อยู่อาศัย ทั้งทางด้านกายภาพ จิตใจ ความสัมพันธ์ทางสังคม และสิ่งแวดล้อม

วังจันทร์วัลเลย์มีระบบบริหารจัดการด้านความปลอดภัยเทียบเท่าเมืองชั้นนำของโลก อาทิเช่น มีระบบตรวจจับใบหน้า (Face Recognition) มีระบบตรวจสอบป้ายทะเบียนรถ (License Plate Recognition) เพื่อตรวจสอบผู้ที่เข้า-ออกในพื้นที่ นอกจากนี้ยังมีระบบตรวจสอบการบุกรุก ระบบกล้องจับความร้อนในเวลากลางคืนในพื้นที่อับแสง เช่น แนวรั้ว เป็นต้น มีระบบวิเคราะห์พฤติกรรมของผู้ที่เข้ามาในพื้นที่ ตลอดจนผู้ใช้เส้นทางสัญจร เช่น สามารถแจ้งเตือนหากมีผู้ประสบอุบัติเหตุในพื้นที่ มีการติดตั้งระบบตรวจจับความเร็วของยานพาหนะ ตรวจจับวัตถุแปลกปลอมป้องกันการนำวัตถุมาวางทิ้งไว้ในพื้นที่ควบคุม รวมทั้งการเข้ามาในพื้นที่ของสัตว์ต่างๆ เช่น สุนัข ช้าง เป็นต้น และยังรองรับการส่งสัญญาณภาพผ่านอากาศยานไร้คนขับ (Drone) ในการติดตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตของผู้ที่อยู่อาศัยและผู้ใช้บริการในพื้นที่