เทคโนโลยี AR VR เพื่องานอุตสาหกรรม หนึ่งในเป้าหมายสำคัญของ EECi
ในยุคที่ผู้คนหันมาให้ความสนใจกับเทคโนโลยี ไม่ว่าจะเป็นด้านการศึกษา ด้านธุรกิจการตลาด การติดต่อสื่อสาร ล้วนแต่ใช้เทคโนโลยีในการขับเคลื่อน ซึ่ง Metaverse กำลังจะเข้ามามีบทบาทมากขึ้น ทำให้เทคโนโลยี ‘AR’ และ ‘VR’ เริ่มเป็นที่น่าจับตามอง เพราะเริ่มมีบริษัทชั้นนำยักษ์ใหญ่ อย่างเช่น Facebook, Microsoft, Google, Apple หันมาพัฒนาเทคโนโลยีด้านนี้บวกกับในช่วงที่สถานการณ์ COVID-19 ระบาด Metaverse หรือ ‘โลกเสมือน’ กำลังจะก้าวเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น
วังจันทร์วัลเลย์ มีเป้าหมายในการพัฒนาเทคโนโลยีเหล่านี้ ซึ่งเป็นหนึ่งใน New S-Curve ที่จะเกิดขึ้นบนพื้นที่ EECi เพื่อผลักดันให้ประเทศไทยเติบโตด้วยนวัตกรรม
เทคโนโลยี AR (Augmented Reality) คือ เทคโนโลยีที่จำลองวัตถุเสมือนในรูปแบบสามมิติให้แสดงผลซ้อนทับกับภาพในโลกความเป็นจริงผ่านอุปกรณ์ต่าง ๆ อย่างเช่น จอภาพ หรือสมาร์ทโฟน ทำให้เรามองเห็นภาพเสมือนที่เกิดเป็นสภาพแวดล้อมใหม่ในสถานที่แห่งนั้นนั่นเอง ส่วนเทคโนโลยี VR (Virtual Reality) คือ เทคโนโลยีที่มีการจำลองสถานที่เสมือนจริงขึ้นมาในรูปแบบ 360 องศา ซึ่งต้องใช้ร่วมกับแว่นตา VR เมื่อสวมใส่แล้วจะให้ความรู้สึกราวกับว่าเราได้หลุดเข้าไปอยู่ในโลกเสมือนแห่งนั้น โดยตัดขาดจากบริบทของโลกแห่งความเป็นจริงผ่านการมองเห็น ได้ยิน สัมผัส หรือการรับรู้ด้วยกลิ่น และยังทำให้เราสามารถตอบสนองกับสิ่งจำลองนั้น ๆ ผ่านอุปกรณ์ อาทิ ถุงมือ เม้าส์ รองเท้า รีโมท หรือปุ่มบังคับ ได้อีกด้วย
แม้ว่าก่อนหน้านี้ เทคโนโลยี AR และ VR จะเป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดีในวงการเกม แต่ความจริงแล้วเทคโนโลยีเหล่านี้สามารถนำไปดัดแปลงและใช้ประโยชน์ได้อีกมากมายมหาศาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุค COVID-19 ที่เราต่างให้ความสำคัญกับเรื่อง Social Distancing จึงทำให้เราได้เห็นเทคโนโลยี AR และ VR ถูกนำมาประยุกต์ใช้ในภาคต่าง ๆ เช่น ภาคการศึกษาที่มีสื่อการเรียนการสอนออนไลน์ ให้นักเรียนสามารถเรียนรู้และตอบสนองกับครูผู้สอนจากที่บ้านได้ ภาคธุรกิจที่ทำให้การซื้อของออนไลน์เป็นเรื่องง่ายและปลอดภัยสำหรับผู้บริโภคมากขึ้น อย่างการซื้อเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งบ้าน เครื่องสำอาง เสื้อผ้า ที่มีการสร้างภาพ AR ให้เราได้ทดลองเพื่อเปรียบเทียบสินค้าก่อนตัดสินใจซื้อของชิ้นนั้น และอีกหนึ่งอุตสาหกรรมที่ได้ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีนี้ก็คือ อุตสาหกรรมการแพทย์ ที่มีการใช้ VR ช่วยให้แพทย์สามารถศัลยกรรมทางไกล หรือวินิจฉัยอาการของผู้ป่วยได้ในทันที โดยที่ผู้ป่วยไม่ต้องออกเดินทางไปโรงพยาบาล เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงให้ได้มากที่สุด และนอกจากนี้ เทคโนโลยี AR และ VR ยังมีประโยชน์และบทบาทสำคัญในด้านอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก อย่างเช่น การท่องเที่ยวผ่าน AR และ VR ที่กำลังได้รับความนิยมและมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นในอนาคต ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนสอดรับกับวิถีชีวิตใหม่แบบ Next Normal ที่กำลังเกิดขึ้น
จากข้อมูลของ IDC (International Data Corporation) บริษัทที่ปรึกษาและวิจัยข้อมูลการตลาดชั้นนำระดับโลกคาดการณ์ว่า ในปี 2019-2024 ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค (ยกเว้นประเทศญี่ปุ่น) จะมีการลงทุนด้าน VR และ AR เติบโตเฉลี่ยถึง 47.7% ต่อปี ซึ่งในปี 2024 มูลค่ารวมของตลาดจะอยู่ที่ 28,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีแรงกระตุ้นมาจากการนำเทคโนโลยีมาใช้ในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ด้วยการประยุกต์ใช้ให้เกิดบริการในรูปแบบต่าง ๆ เช่น การนำเทคโนโลยี AI มาใช้ร่วมกับ AR และ VR, mobility AR, AR cloud และการจัด Virtual Event โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อนำมาผสานเข้ากับการขยายตัวของเทคโนโลยี 5G ก็จะยิ่งเกิดประโยชน์และเพิ่มประสิทธิภาพให้กับหลากหลายภาคธุรกิจและอุตสาหกรรม
เช่นเดียวกับพื้นที่ EECi ของวังจันทร์วัลเลย์ ที่มีการนำเทคโนโลยี AR และ VR มาใช้ต่อยอดในงานอุตสาหกรรมต่าง ๆ อย่างเช่น นวัตกรรมการเกษตร, เชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพ, ระบบอัตโนมัติ หุ่นยนต์ และอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ, แบตเตอรี่ประสิทธิภาพสูงและการขนส่งสมัยใหม่, การบินและอวกาศ รวมไปถึงเครื่องมือแพทย์ นอกจากนี้ EECi ยังพร้อมเปิดพื้นที่ให้การสนับสนุนอย่างเต็มรูปแบบ เพื่อส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมที่สำคัญ จึงมีการจัดตั้ง “ศูนย์นวัตกรรมการผลิตยั่งยืน” หรือ SMC (Sustainable Manufacturing Center) เพื่อใช้เป็นศูนย์สาธิตด้านอุตสาหกรรมอัจฉริยะ พัฒนาแพลตฟอร์มสำหรับผู้ประกอบการอุตสาหกรรมการผลิต ผู้พัฒนาระบบ (SI) นวัตกร นักวิจัย ตลอดจนนักศึกษาในสาขาที่เกี่ยวข้อง ให้สามารถเข้ามาใช้ประโยชน์ผ่านกิจกรรมต่าง ๆ ทั้งในรูปแบบการสาธิต การเรียนรู้ และการทดลองปฏิบัติจริง รวมไปถึงกิจกรรมวิจัยเพื่อการสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีระบบอัตโนมัติ หุ่นยนต์ และระบบอัจฉริยะ ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญในการพัฒนาศักยภาพทางการแข่งขันของอุตสาหกรรมการผลิตและบริการด้วยฝีมือคนไทย เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมและธุรกิจไทยให้เกิดเป็น New S-Curve และก้าวไกลไปสู่ Thailand 4.0
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่มองเห็นความสำคัญในการผลักดันอนาคตเศรษฐกิจของไทย ให้ก้าวไปสู่การเป็นเมืองต้นแบบและแหล่งรวมนวัตกรรมชั้นนำของเอเชีย “วังจันทร์วัลเลย์” พร้อมแล้วที่จะเปิดพื้นที่แห่งโอกาสเพื่อต้อนรับนักลงทุนที่มีวิสัยทัศน์เช่นคุณ ให้เข้ามาร่วมลงทุนและสร้างความเป็นไปได้ใหม่ ๆ ในเมืองอัจฉริยะแห่งนี้ ที่รายล้อมไปด้วยพื้นที่สีเขียวมากมายที่ช่วยสร้างแรงบันดาลใจในการคิดค้นนวัตกรรมอันสร้างสรรค์ บนทำเลศักยภาพในเขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EECi)
สำหรับนักลงทุนที่สนใจมาร่วมใช้พื้นที่วังจันทร์วัลเลย์ จะได้รับสิทธิประโยชน์ในการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล สูงสุด 13 ปี, ยกเว้นภาษีอากรขาเข้าเครื่องจักรและวัตถุดิบ, ภาษีเงินได้สำหรับบุคคลธรรมดา ร้อยละ 17 ซึ่งต่ำที่สุดในเอเชีย และสิทธิพิเศษอื่น ๆ อีกมากมาย
มาร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทยไปด้วยกันกับเรา ที่ "วังจันทร์วัลเลย์"